ถ้าพูดกันถึงเสน่ห์ของการท่องเที่ยวในหน้าฝนแล้วล่ะก็ การเดินป่าหน้าฝนก็เป็นการเที่ยวที่สนุกมาก แล้วยังจะได้เจอกับธรรมชาติที่สวยงามผืนป่าอันเขียวชอุ่มมองดูแล้วได้ความรู้สึกสดชื่นสุด ๆ ที่สำคัญเมื่อมีฝนก็ต้องมีน้ำ เมื่อมีน้ำก็จะทำให้น้ำตกมันสวยงาม (แต่ก็ทำให้ทางเดินมันเละเทะ ฮ่า ๆ ๆ)
ทริปนี้เราเลยเข้าป่าในหน้าฝนไปตามหาน้ำตกรูปหัวใจแห่งป่าอุ้มผาง น้ำตกที่ได้ชื่อว่าสวยงามและมีความสูงที่สุดในประเทศไทย “น้ำตกเปรโต๊ะลอซู” นั้นเองทริปของเราเป็นยังไงกันบ้าง ติดตามกันได้เลยครับ
——————
การเดินทาง
——————
เรานั่งรถโดยสารจาก กทม. – อ.แม่สอด จ.ตาก
จากนั้นก็นั่งรถสองแถว (เหมา) จาก อ.แม่สอด ผ่าน 1,219 โค้ง ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง สู่ อุ้มผาง
การเดินทายังไม่สิ้นสุดต้องนั่งรถอีก 2 ชั่วโมงกว่า จาก อุ้มผางไปยังจุดเริ่มเดินเท้า หมู่บ้านกุยเลอตอ (โค้งเยอะมากกกก)
ทริปนี้เราเลยเข้าป่าในหน้าฝนไปตามหาน้ำตกรูปหัวใจแห่งป่าอุ้มผาง น้ำตกที่ได้ชื่อว่าสวยงามและมีความสูงที่สุดในประเทศไทย “น้ำตกเปรโต๊ะลอซู” นั้นเองทริปของเราเป็นยังไงกันบ้าง ติดตามกันได้เลยครับ
——————
การเดินทาง
——————
เรานั่งรถโดยสารจาก กทม. – อ.แม่สอด จ.ตาก
จากนั้นก็นั่งรถสองแถว (เหมา) จาก อ.แม่สอด ผ่าน 1,219 โค้ง ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง สู่ อุ้มผาง
การเดินทายังไม่สิ้นสุดต้องนั่งรถอีก 2 ชั่วโมงกว่า จาก อุ้มผางไปยังจุดเริ่มเดินเท้า หมู่บ้านกุยเลอตอ (โค้งเยอะมากกกก)
——————
การเตรียมตัว
——————
ชุดพร้อมลุย พร้อมเปียกและพร้อมเลอะโคลน (ก็เที่ยวหน้าฝนอ่ะเนอะ)
รองเท้าที่เดินแล้วไม่ลื่น ถ้าแบบที่ลุยน้ำเปียกแล้วไม่เน่าจะดีมาก
ถุงพลาสติก กระเป๋ากันน้ำ สำหรับใส่ของที่ไม่อยากให้เปียกฝน
ไฟฉาย อันนี้สำคัญมากเพราะในป่าจะมืดมาก
เตนท์ + ฟลายชีท ที่กันฝนได้ จะได้นอนแบบไม่ต้องกังวลเปียก
อุปกรณ์ดำรงชีพ เครื่องครัว อาหาร
สเปรย์กันแมลง (แมลงและยุงเยอะมาก) แต่ทากไม่มีครับไม่ต้องกลัว
น้ำ สามารถใช้จากลำธารได้
อื่น ๆ อะไรอีกนึกไม่ออกแล้วแฮะ
แอดมินแนะนำว่า เอาของไปน้อยที่สุดครับ เน้นพวกของสำคัญ ๆ
———————–
พร้อมกันแล้วลุย
———————–
เราต้องมี เจ้าหน้าที่นำทาง ด้วยนะครับไม่งั้นอาจหลงได้ แอดมินติดต่อ เจ้าหน้าที่นำทาง ลูกหาบ และรถมาส่งยังจุดเริ่มเดินผ่านทางรีสอร์ทที่อุ้มผางเลยครับ
เริ่มเดินเราก็เละกันเลยครับ เพราะทางเดินเราจะเป็นลำธารเล็ก ๆ และทางเดินที่เป็นดินโคลนที่เปียกน้ำ เรียกว่าไม่ต้องหล่อเฟี้ยวกันเลย ลุยไปเถอะยังไงก็เละจะช้าจะเร็ว
เดินมาเรื่อย ๆ จะเริ่มเดินผ่านตามพื้นที่ทำการเกษตรของชาวบ้านแถวนั้นครับ ทางเดินสบาย ๆ ไม่ชันมากเท่าไหร่ ถ้าฟ้าไม่ครึ้มก็โดนแดดร้อนครับ เตรียมตัวกันแดดกันไว้ด้วยก็จะดี แอดมินก็พักกินข้าวเที่ยงที่ห่อใส่กล่องมาด้วยเลยครับ
เมื่อสิ้นสุดพื้นที่เกษตรของชาวบ้านแล้วก็จะเข้าสู่เขตของป่า เป็นป่าค่อนข้างทึบ ทางแคบอีกทั้งยังมีเดินข้ามลำธารด้วยครับจุดที่ลึกๆ ก็ประมาณ 50-60 cm ในภาวะปกตินะครับ ถ้าฝนตกหนักก็ลึกกว่านี้และน้ำก็จะไหลแรงกว่านี้
ทางเริ่มมีความชันขึ้นบ้าง เดินไปเรื่อย ๆ ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็จะเจอกับ จุดตั้งแคมป์แรก จุดนี้อยู่ใกล้ลำธารมาก ลงเล่นน้ำกันได้เลยทีเดียว พวกผมก็เลือกเอา แคมป์นี้เลยครับจะได้ไม่ต้องแบกของหนัก ๆ ขึ้นไปอีกแคมป์เพราะแคมป์สอง นั้นทางจะชันขึ้นไปอีกค่อนข้างมาก ต้องเดินแบกของหนักไปอีก 1-2 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย (แต่แคมป์สอง จะได้เปรียบเพราะอยู่ใกล้กับ ดอยมะม่วงสามหมื่นและก็น้ำตกรูปหัวใจ)
ดอยมะม่วงสามหมื่น เป็นยอดเขาที่สามารถมองเห็นน้ำตกรูปหัวใจได้จากมุมสูง และมีสายหมอกปกคลุมแทบจะตลอดเวลา ขนาดในตอนเที่ยงวัน ยังมองทางแทบไม่เห็นในบางจังหวะการเดินทางจากแคมป์แรกต้องเดินไต่ความชันของเส้นทางขึ้นมายังแคมป์สอง แล้วก็เดินต่อด้วยทางที่ชั่นโคตร ชันจนต้องร้องขอชีวิต ฮ่า ๆ ๆ จากนั้นก็เดินตามสันเขาไปเรื่อย ๆ เลยครับ ใช้เวลาเดินนานพอสมควรกว่าจะไปถึงยอดดอยมะม่วงสามหมื่น แอดมินเดินประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง จนน้ำดื่มที่เตรียมมาหมด อีกทั้งกลัวว่าจะไปน้ำตกรูปหัวใจไม่ทัน ก็เลยเดินลง
น้ำตกเปรโต๊ะลอซู น้ำตกรูปหัวใจ ไฮไลท์สำคัญของทริปนี้ การเดินทางจากยอดดอยมะม่วงสามหมื่น ก็เดินกลับลงมาทางเดิมเลยครับ จนมาถึงแคมป์สอง จะมีทางแยกลงมายังน้ำตก (ก่อนจะเข้าถึงน้ำตกจะมีแคมป์ย่อย ๆ อีกแคมป์นึง) ทางเดินไม่เหนื่อยเท่าไหร่ครับ เพราะเป็นทางลงตลอดจากยอดดอยมะม่วงสามหมื่นพื้นที่สำหรับชมและถ่ายรูปน้่ำตกรูปหัวใจมีอยู่ไม่มากครับ ก็ชื่นชมและเก็บภาพสักพักก็เดินกลับแคมป์ก่อนจะค่ำ ระหว่างทางก็เดินลัดเลาะตามลำธารมาเรื่อย ๆ เป็นทางเดินลงเป็นส่วนใหญ่ครับ สำหรับไม่เหนื่อย มาก
กลับถึงแคมป์ก็งัดเอาอุปกรณ์ที่เตรียมมาก จัดแจงปรุงอาหารเย็น กินให้เต็มที่เพราะเราเหนื่อยมาทั้งวันครับ จากนั้นก็พักผ่อนตามสบาย…